วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การเมืองการปกครองสมัยอยุธยาตอนกลาง

การปกครองสมัยอยุธยาตอนกลาง
               สมัยอยุธยาตอนกลาง (พ.ศ. ๒๑๑๒-พ.ศ. ๒๒๓๑) เริ่มตั้งแต่สมัยของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ได้ปฏิรูปการปกครองใหม่โดยได้ขยายอาณาเขตอย่างกว้างขวาง โดยได้แต่งตั้งขุนนางไปปกครองเมืองลูกหลวงและให้ขึ้นต่ออัครมหาเสนาบดี เรียกว่า เมืองพระยามหานคร เป็นการรวมอำนาจเข้าส่วนกลางมากขึ้น และยังมีเมืองมหานครอีก ๔ เมือง ที่มิได้มีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง คือ นครศรีธรรมราช นครราชสีมา ตะนาวศรี ทวาย มีฐานะกึ่งอิสระ เพื่อตอบแทนความดีความชอบในการปฏิบัติราชการของขุนนางเหล่านั้น 

การจัดระเบียบการปกครองที่ได้พัฒนาขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ คือ การแยกข้าราชการทหารและราชการพลเรือนออกจากกัน เพื่อการแบ่งงานรับผิดชอบอย่างชัดเจน
ฝ่ายทหาร มีสมุหกลาโหม หรืออัครมหาเสนาบดีฝ่ายขวาเป็นหัวหน้า มีหน้าที่ บังคับบัญชาและรับผิดชอบในกิจการทหารและป้องกันประเทศ
ฝ่ายพลเรือน มีสมุหนายก หรือ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้าย เป็นหัวหน้าที่ทำหน้าที่บังคับบัญชาและรับผิดชอบ เวียง วัง คลัง นา ส่วนไพร่ได้รับสิทธิเลือกสังกัดฝ่ายทหารหรือฝ่ายพลเรือนได้ แต่ในยามสงคราม ไพร่ทั้งสองฝ่ายต้องออกรบด้วยกัน ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถได้มีการตรากฎหมายว่าด้วยศักดินาขึ้นและใช้มาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น

การปกครองหัวเมือง
          หัวเมืองในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ นอกจากเมืองพระยามหานครที่พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งขุนนางไปปกครองแล้วยังมีหัวเมืองประเทศราชที่มีเจ้าเมืองของตนเอง แต่ยอมขึ้นต่อกรุงศรีอยุธยา โดยส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวาย หัวเมืองประเทศราชเหล่านี้ มีทั้งไกลและใกล้ เช่น เชียงใหม่ เชียงแสน มะละกา เชียงรุ้ง

ในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ปฏิรูปการปกครองหัวเมืองใหม่ โดยยกเลิกเมืองพระยามหานคร และจัดแบ่งเมืองนอกเขตราชธานีออกเป็น  ๓ ชั้น คือ
๑.หัวเมืองชั้นเอก                   มี ๒ เมือง คือ พิษณุโลก และนครศรีธรรมราช
๒.หัวเมืองชั้นใน                    มีหลายเมืองเช่น สวรรคโลก สุโขทัย กำแพงเพชร เพชรบุรี เป็นต้น
๓.หัวเมืองชั้นตรี                    มีหลายเมือง เช่น พิชัย นครสวรรค์ ไชยา พัทลุง เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น